Braking Resistor (ตัวต้านทานเบรก) คืออะไร และทำงานอย่างไร?
Braking resistor หรือตัวต้านทานเบรก เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการหยุดหรือลดความเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้าในงานอุตสาหกรรมและระบบควบคุมอัตโนมัติ อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบมอเตอร์ โดยช่วยป้องกันปัญหาพลังงานย้อนกลับที่อาจส่งผลเสียต่ออินเวอร์เตอร์ หากเลือกใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมั่นคงและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ หลักการทำงานสามารถสรุปได้ดังนี้:
- การสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับ (Regenerative Energy) เมื่อมอเตอร์ถูกสั่งให้หยุดหรือชะลอความเร็ว พลังงานจลน์ (Kinetic Energy) ของมอเตอร์จะถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้าย้อนกลับเข้าสู่ระบบ
- ข้อจำกัดของอินเวอร์เตอร์ โดยทั่วไป อินเวอร์เตอร์ไม่สามารถรับพลังงานไฟฟ้าที่มอเตอร์สร้างกลับมาได้ทั้งหมด หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจทำให้แรงดันสะสมสูงจนกระทบต่ออุปกรณ์
- การระบายพลังงานส่วนเกิน พลังงานไฟฟ้าที่เกินจากการเบรกจะถูกส่งไปยัง braking resistor ซึ่งจะทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้านี้ออกเป็นความร้อน
- การปล่อยพลังงานในรูปความร้อน ตัวต้านทานเบรกจะกระจายความร้อนออกสู่บรรยากาศ ทำให้ระบบปลอดภัยและไม่เกิดความเสียหายต่ออินเวอร์เตอร์หรือวงจรอื่น ๆ
ข้อดีของการใช้ Braking Resistor- ป้องกันอุปกรณ์เสียหาย: ลดความเสี่ยงที่อินเวอร์เตอร์หรือมอเตอร์จะได้รับผลกระทบจากพลังงานไฟฟ้าส่วนเกิน
- เพิ่มประสิทธิภาพการเบรก: ทำให้มอเตอร์หยุดได้เร็วและควบคุมได้แม่นยำ
- ช่วยจัดการอุณหภูมิ: กระจายพลังงานส่วนเกินออกในรูปความร้อน ทำให้ระบบทำงานได้เสถียรขึ้น
ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้ Braking Resistor
- กำลังไฟฟ้า (Power Rating)
เลือกให้สูงกว่าค่าที่คำนวณได้เล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย - แรงดันไฟฟ้า (Voltage Rating)
ต้องรองรับแรงดันของระบบได้เท่ากันหรือสูงกว่า - ค่าความต้านทาน (Resistance Value)
ควรอ้างอิงค่าที่ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์แนะนำ - รอบการทำงาน (Duty Cycle)
เลือกตามลักษณะการใช้งาน เช่น ทำงานต่อเนื่อง หรือเป็นช่วง ๆ - การระบายความร้อน
ตรวจสอบว่ามีระบบระบายความร้อนเหมาะสม เช่น พัดลมหรือระบบน้ำหล่อเย็น - สภาพแวดล้อมการติดตั้ง
ต้องทนต่อสภาพจริงหน้างาน เช่น ความชื้น ฝุ่น หรือสารเคมี
ขั้นตอนการเลือกใช้งาน Braking Resistor
- คำนวณพลังงานที่ต้องการระบายจากมอเตอร์ในช่วงเบรก
- เลือกค่าความต้านทานที่เหมาะสมตามการคำนวณ
- ตรวจสอบแรงดันและกำลังไฟฟ้าที่ตัวต้านทานรองรับได้
- พิจารณาวิธีติดตั้งและการระบายความร้อน
- อ้างอิงค่าที่ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์แนะนำเพื่อความถูกต้อง
Braking Resistor มี 2 ประเภท ได้แก่ อลูมิเนียม (Aluminum) และ เซรามิค (Ceramic) คุณสมบัติต่างต่างกันดังนี้
คุณสมบัติที่โดดเด่น R-Brake Aluminum
- มีโครงสร้างที่แข็งแรง ทนต่อการสะเทือน
- โครงด้านนอกเป็นอะลูมิเนียมช่วยช่วยระบายความร้อนได้ดีและป้องกันตัวต้านทานจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้
- มีคุณบัติทางไฟฟ้าที่เสถียรและเชื่อถือได้สูง
- ขนาดเล็กแต่มีวัตต์สูงและสามารถทนพลังงานพัลส์ได้สูง
- หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามลักษณะงาน
- ตัวต้านทานเบรคแบบอะลูมิเนียมนิยมใช้กับงานหลายประเภท เช่น แหล่งจ่ายไฟ INVERTER SERVO เป็นต้น

คุณสมบัติที่โดดเด่น R-Brake Ceramic
- ตัวต้านทานแบบเซรามิค ระบายความร้อนได้ดี
- สามารถผลิตตัวทานที่มีค่าน้อยไปจนถึง K ohm และมีวัตต์ต่ำไปจนถึง 2000W ขึ้นไป
- เหมาะสำหรับการใช้งานต้านทานงานโหลดเครื่องจักรอุตสาหกรรม, อินเวอร์เตอร์,ระบบควบคุมอัตโนมัติ, งาน Conveyor
- มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามลักษณะงาน

ตารางเปรียบเทียบ R-BRAKE แบบ อลูมิเนียม (Aluminum) และ เซรามิค (Ceramic)
คุณสมบัติ | แบบอลูมิเนียม | แบบเซรามิค |
ขนาด/น้ำหนัก | เล็ก เบา | ใหญ่ หนัก |
การระบายความร้อน | ดี (ต้องใช้ฮีตซิงช่วย) | ทนความร้อนสูง แต่ระบายช้า |
ความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือน | สูง | ต่ำ (แตกง่ายกว่า) |
การใช้งานเหมาะสม | งานที่ต้องการติดตั้งกะทัดรัด, มีการสั่นสะเทือน | งานทั่วไป, ต้องการความคุ้มค่า |
CS Automation System เป็นตัวแทนจำหน่าย R-Brake (Braking Resistor) หลายขนาด เหมาะกับงานที่ต้องการจัดการพลังงานย้อนกลับจากมอเตอร์ ทั้งยังมีทีมให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและบริการหลังการขายที่ครบครันครับ