Braking Resistor (ตัวต้านทานเบรก) คืออะไร และทำงานอย่างไร?

101 จำนวนผู้เข้าชม  | 

Braking Resistor (ตัวต้านทานเบรก) คืออะไร และทำงานอย่างไร?

Braking Resistor (ตัวต้านทานเบรก) คืออะไร และทำงานอย่างไร?

Braking resistor หรือตัวต้านทานเบรก เป็นอุปกรณ์ที่มีบทบาทสำคัญในการหยุดหรือลดความเร็วของมอเตอร์ไฟฟ้าในงานอุตสาหกรรมและระบบควบคุมอัตโนมัติ อุปกรณ์เสริมที่ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและประสิทธิภาพของระบบมอเตอร์ โดยช่วยป้องกันปัญหาพลังงานย้อนกลับที่อาจส่งผลเสียต่ออินเวอร์เตอร์ หากเลือกใช้อย่างถูกต้องจะช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างมั่นคงและยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ หลักการทำงานสามารถสรุปได้ดังนี้:

  1. การสร้างพลังงานไฟฟ้ากลับ (Regenerative Energy) เมื่อมอเตอร์ถูกสั่งให้หยุดหรือชะลอความเร็ว พลังงานจลน์ (Kinetic Energy) ของมอเตอร์จะถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นพลังงานไฟฟ้า ทำให้เกิดพลังงานไฟฟ้าย้อนกลับเข้าสู่ระบบ
  2. ข้อจำกัดของอินเวอร์เตอร์ โดยทั่วไป อินเวอร์เตอร์ไม่สามารถรับพลังงานไฟฟ้าที่มอเตอร์สร้างกลับมาได้ทั้งหมด หากไม่มีการจัดการที่เหมาะสม อาจทำให้แรงดันสะสมสูงจนกระทบต่ออุปกรณ์
  3. การระบายพลังงานส่วนเกิน พลังงานไฟฟ้าที่เกินจากการเบรกจะถูกส่งไปยัง braking resistor ซึ่งจะทำหน้าที่แปลงพลังงานไฟฟ้านี้ออกเป็นความร้อน
  4. การปล่อยพลังงานในรูปความร้อน ตัวต้านทานเบรกจะกระจายความร้อนออกสู่บรรยากาศ ทำให้ระบบปลอดภัยและไม่เกิดความเสียหายต่ออินเวอร์เตอร์หรือวงจรอื่น ๆ
ข้อดีของการใช้ Braking Resistor
  • ป้องกันอุปกรณ์เสียหาย: ลดความเสี่ยงที่อินเวอร์เตอร์หรือมอเตอร์จะได้รับผลกระทบจากพลังงานไฟฟ้าส่วนเกิน
  • เพิ่มประสิทธิภาพการเบรก: ทำให้มอเตอร์หยุดได้เร็วและควบคุมได้แม่นยำ
  • ช่วยจัดการอุณหภูมิ: กระจายพลังงานส่วนเกินออกในรูปความร้อน ทำให้ระบบทำงานได้เสถียรขึ้น

 

ปัจจัยที่ควรพิจารณาเมื่อเลือกใช้ Braking Resistor

  • กำลังไฟฟ้า (Power Rating)
    เลือกให้สูงกว่าค่าที่คำนวณได้เล็กน้อยเพื่อความปลอดภัย
  • แรงดันไฟฟ้า (Voltage Rating)
    ต้องรองรับแรงดันของระบบได้เท่ากันหรือสูงกว่า
  • ค่าความต้านทาน (Resistance Value)
    ควรอ้างอิงค่าที่ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์แนะนำ
  • รอบการทำงาน (Duty Cycle)
    เลือกตามลักษณะการใช้งาน เช่น ทำงานต่อเนื่อง หรือเป็นช่วง ๆ
  • การระบายความร้อน
    ตรวจสอบว่ามีระบบระบายความร้อนเหมาะสม เช่น พัดลมหรือระบบน้ำหล่อเย็น
  • สภาพแวดล้อมการติดตั้ง
    ต้องทนต่อสภาพจริงหน้างาน เช่น ความชื้น ฝุ่น หรือสารเคมี


ขั้นตอนการเลือกใช้งาน Braking Resistor

  • คำนวณพลังงานที่ต้องการระบายจากมอเตอร์ในช่วงเบรก
  • เลือกค่าความต้านทานที่เหมาะสมตามการคำนวณ
  • ตรวจสอบแรงดันและกำลังไฟฟ้าที่ตัวต้านทานรองรับได้
  • พิจารณาวิธีติดตั้งและการระบายความร้อน
  • อ้างอิงค่าที่ผู้ผลิตอินเวอร์เตอร์แนะนำเพื่อความถูกต้อง


Braking Resistor มี 2 ประเภท ได้แก่ อลูมิเนียม (Aluminum)  และ เซรามิค (Ceramic) คุณสมบัติต่างต่างกันดังนี้

คุณสมบัติที่โดดเด่น R-Brake Aluminum 

  • มีโครงสร้างที่แข็งแรง  ทนต่อการสะเทือน     
  • โครงด้านนอกเป็นอะลูมิเนียมช่วยช่วยระบายความร้อนได้ดีและป้องกันตัวต้านทานจากสภาพแวดล้อมภายนอกได้
  • มีคุณบัติทางไฟฟ้าที่เสถียรและเชื่อถือได้สูง   
  • ขนาดเล็กแต่มีวัตต์สูงและสามารถทนพลังงานพัลส์ได้สูง
  • หลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามลักษณะงาน
  • ตัวต้านทานเบรคแบบอะลูมิเนียมนิยมใช้กับงานหลายประเภท เช่น  แหล่งจ่ายไฟ  INVERTER  SERVO เป็นต้น 

คุณสมบัติที่โดดเด่น R-Brake Ceramic

  • ตัวต้านทานแบบเซรามิค ระบายความร้อนได้ดี
  • สามารถผลิตตัวทานที่มีค่าน้อยไปจนถึง K ohm และมีวัตต์ต่ำไปจนถึง  2000W ขึ้นไป
  • เหมาะสำหรับการใช้งานต้านทานงานโหลดเครื่องจักรอุตสาหกรรม, อินเวอร์เตอร์,ระบบควบคุมอัตโนมัติ, งาน Conveyor 
  • มีหลากหลายขนาดให้เลือกใช้ตามลักษณะงาน

ตารางเปรียบเทียบ R-BRAKE แบบ อลูมิเนียม (Aluminum)  และ เซรามิค (Ceramic)

คุณสมบัติแบบอลูมิเนียมแบบเซรามิค
ขนาด/น้ำหนักเล็ก เบาใหญ่ หนัก
การระบายความร้อนดี (ต้องใช้ฮีตซิงช่วย)ทนความร้อนสูง แต่ระบายช้า
ความทนทานต่อแรงสั่นสะเทือนสูงต่ำ (แตกง่ายกว่า)
การใช้งานเหมาะสมงานที่ต้องการติดตั้งกะทัดรัด, มีการสั่นสะเทือนงานทั่วไป, ต้องการความคุ้มค่า

 

CS Automation System เป็นตัวแทนจำหน่าย R-Brake (Braking Resistor) หลายขนาด เหมาะกับงานที่ต้องการจัดการพลังงานย้อนกลับจากมอเตอร์ ทั้งยังมีทีมให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและบริการหลังการขายที่ครบครันครับ 

Powered by MakeWebEasy.com